เวลาที่เรานึกถึงสาวคนนี้ทีไร ไอแดดอุ่นๆ มักจะเป็นภาพที่เราจินตนาการตามเสมอ ด้วยความน่ารัก เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่น่าค้นหา ชวนให้เราอยากจะเข้าไปสะกิด "อาย - กมลเนตร เรืองศรี" เบาๆ แล้วชวนเธอว่ามานั่งคุยเล่น เพราะเราเชื่อว่าในทุกความคิดของเธอ จะต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจที่มอบให้กับคนรุ่นใหม่อย่างแน่นอน ถ้าไม่เชื่อเรามาทำความรู้จักเธอคนนี้ให้ดีขึ้นอีกนิดดีกว่าค่ะ
เข้าวงการตอนอายุเท่าไหร่
"เข้าวงการละครตอน 20 เข้าตอนเริ่มเล่นโฆษณาคือตอน 18 คือเริ่มมาจากโฆษณา แล้วก็เอ็มวี แล้วก็ละคร"
แล้วคิดว่าคนส่วนใหญ่รู้จักเราจากอะไร
"น่าจะแบ่งเป็นหลายกลุ่ม บางคนตามมาตั้งแต่สมัยเอ็มวี บางกลุ่มก็มาจากละครช่องสาม บางคนก็มาจากหนังสือ เพราะเค้าไม่ได้ดูละคร พอมาอ่านเจอแล้วค่อยรู้ว่าเป็นเราเขียน"
มีคนบอกว่าอายเป็นเซเลบทวิตเตอร์ ขอเด็ดๆ สักคำ
"เอาที่พินไว้ตอนนี้ก็จะเป็น “วันนี้ก็จะเป็นแค่เรื่องเล่าของวันพรุ่งนี้” ค่ะ จริงๆ มันเป็นเหมือนแค่โมเม้นต์นึงที่เราคิดขึ้นมาได้ หรือว่าอะไรก็ได้แล้วเราคิดขึ้นมาแล้วก็พิมพ์มันลงไป ตัวอักษรมันไม่เกิน 140 อ่ะค่ะ แล้วมันไปโดนใจคน"
คำจำกัดความของผู้หญิง
"ผู้หญิงไม่น่าจะมีคำจำกัดความได้นะ เพราะว่ามีความหลากหลายทางชีวภาพมากเหลือเกิน บางคนก็ชอบแบบนี้ คิดแบบนี้ มันหลากหลายมาก"
อยากให้ผู้หญิงไทยควรเปลี่ยนเรื่องอะไร
"ขอเป็นเรื่องความขาวละกัน ทุกคนตอนนี้เวลาเลื่อนฟีดในเฟซ มันก็มีพวกโฆษณารีวิวขายครีมของตัวเอง ทุกคนอยากขาวมากๆ เลย ซึ่งจริงๆ ต้องยอมรับว่าบางคนขาวก็ไม่รอดนะ ดูขาวปลอม คืออย่าไปให้ค่านิยมว่าขาวแล้วถึงจะสวย ผิวอะไรก็สวยได้ พอๆ กับผอมแล้วถึงจะสวย ซึ่งไม่จริง คือคุณจะเป็นยังไงก็ได้ มันเป็นเรื่องของความมั่นใจข้างใน คือเราจะสีผิวยังไงก็ได้ แค่เรามีความมั่นใจ เราดูแลตัวเอง มีบุคลิกที่ดี มนุษยสัมพันธ์ที่ดีก็พอ"
จำอาย กมลเนตร ตอนอายุ 19 ได้มั้ย
"จำได้ น่าจะเป็นตอนที่เริ่มทำงานในวงการ ความพีคก็น่าจะเป็นตอนที่ตามวง Better Weather อยู่ ตอนนั้นอิสระ เพราะเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ยังไม่ได้อยู่สังกัดช่อง 3 ขนาดนี้ แล้วก็ยังแต่งหน้ายังไม่เป็น เซอร์ๆ มาก"
ตอนนี้อินกับอะไรอยู่
"อินกับการใช้ชีวิตง่ายๆ อินกับการอยู่บ้าน ไม่ได้หมายความว่าอยากออกจากงานมาอยู่บ้านนะ อินในแบบคือ เราจะมีความสุขทุกครั้งเวลาที่เรานั่งอยู่หน้าบ้าน ลมมันจะโฟล์มาก นั่งอ่านหนังสือ เราอินกับการใช้ชีวิตเนิบๆ อินกับการที่เราได้ยินเสียงลมพัด เสียงนกร้อน ชอบเวลาที่แสงแดดมันส่องลอดใบไม้ ตกกระทบกับพื้น มันก็จะมีแสงและเงา เราชอบอะไรแบบนี้ ชอบอะไรช้าๆ"
ให้เวลา 5 นาทีย้อนไปคุยกับตัวเองตอนอายุ 19
"เขียนคิ้วออกจากบ้านหน่อยก็พอ คือตอนนั้นเราเป็นคนมั่นใจว่าเราเป็นคนมีคิ้วอยู่แล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีคิ้ว พอเราย้อนกลับไปดูรูปแล้วแบบ ตอนนั้นไม่เขียนคิ้วได้ยังไง ลองฝึกเขียนคิ้วหน่อยดีมั้ย"
แอคเซสเซอรี่บนหน้าชิ้นไหนที่ขาดไม่ได้
"ชอบแก้มค่ะ ทาบรัชออนไว้ใต้ตา คือตอนนี้ทุกคนจะแซวว่า ทาแก้มแบบนี้จะไปเล่นงิ้วรึเปล่า คือทุกคนไม่เข้าใจ คือตอนที่เราไปทำงานที่นาริตะ แล้วคุณแจ็ค เค้าเป็นคนออกแบบการแต่งหน้าให้ว่าแต่งแบบนี้นะ แล้วที่ญี่ปุ่นเค้าฮิตมากแต่งแบบนี้ เราก็เลยแต่งแบบนั้นที่นั่น แล้วพอกลับมาไทย เราก็ยังแต่งแบบนี้อยู่ แล้วทุกคนไม่เข้าใจเรา เราก็ชอบ แต่คนไทยไม่เก็ต แล้วก็อินอีกอย่างคือตัวที่ปัดแล้วหน้าวาว แฟนคลับก็จะส่งซับมันให้ตลอด แต่เราชอบแบบนี้"
ประสบการณ์เดทฮอตๆ
"เป็นรุ่นพี่ที่ชอบมาก เราอยู่ม. ต้น เค้าอยู่ ม.ปลาย สายวิทย์ ต้องขอเล่าท้าวความก่อนว่า เราเป็นรุ่นน้องแล้วเราไปเดินสัปดาห์วิทยาศาสตร์ที่ รร แล้วเราก็ไปดู เราชอบพี่คนนึงเค้าอยู่ในซุ้มคลิปลอยน้ำ เราไม่รู้จักชื่อเค้า เราเลยเรียกเค้าว่าพี่คลิป เค้าทดลองเรื่องแรงตึงผิวของน้ำต่างๆ แล้วเค้าก็ยื่นคลิปมาให้เราลองเอาคลิปลอยน้ำซิ ถ้าน้องทำได้อันไหนนานนะ พี่ให้เลยซูกัสเม็ดนึง แล้วเราก็ไม่ได้โฟกัสกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเลย เรารู้สึกว่าพี่คนนี้น่ารักจัง เราก็ทำความรู้จักไปเรื่อยๆ จนได้รู้ว่าเค้าชื่อบอส แล้วทีนี้เราก็ยังเหมือนทอมๆ อยู่เลย ตอนม ต้น แล้วเราก็นัดกันไปดูหนังเรื่อง เด็กหอ หนังก็ไม่ได้น่ากลัวเลย พี่บอสเค้าก็นั่งยังงี้ (นั่งทำหน้าเฉย) นี่แหละ เดทที่ประทับใจที่สุดของเรา เราประทับใจตรงที่พอมันเป็นอะไรที่ได้อยู่กับคนที่เราชอบ เล่ากี่ทีเราก็จะมีความสุข"
สามสิ่งในกระเป๋าที่ขาดไม่ได้
"กระเป๋าสตางค์ มือถือ แล้วก็สมุดจด"
บทบาทของนักเขียนเป็นไงบ้าง
"เป็นคอลัมนิสต์ของ A day ค่ะ ชื่อคอลัมน์ มุมมองเห็น ก็เป็นมา 3 ปีละ เป็นมาเรื่อยๆ ก็สนุกดีค่ะ มันทำให้เราเปิดรับทุกสิ่งทุกอย่าง เราไปเจอแล้วเรามาเล่าต่อ มันทำให้เราดีเทลมากขึ้น การมองตรงนั้นตรงนี้ ใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้น อาจจะด้วยกรอบของอาชีพด้วย"
แล้วโปรเจ็กต์เขียน
"มีแพลนที่จะเขียน แต่ยังคิดไม่ออกเลย"
เวลานึกไม่ออก หาแรงบันดาลใจในการทำงานยังไง
"ถ้านึกไม่ออก ก็จะไม่นึก จะพักก่อน ไปทำอย่างอื่น สิ่งที่จะไม่ทำเลยคือการเค้น เราต้องปล่อยให้เราว่างๆมากๆ อันนี้จะเป็นจุดที่คล้ายงานแสดงเหมือนกัน ก็คือถ้าซีนนั้นเราเกิดภาวะกดดันขึ้นมา เราก็จะเล่นซีนนั้นไม่ดี ถึงแม้จะเป็นซีนที่ง่ายและสบายแค่ไหน ถ้าเราไม่ว่างปุ๊บ เราก็จะเล่นไม่ได้ เหมือนกันกับงานเขียน เราต้องรอให้เราว่าง ให้รู้สึกกับเรื่องที่เรากำลังจะเขียนจริงๆ มันถึงจะเขียนออกมาได้ เพราะฉะนั้นการที่เราเป็นนักเขียน เราก็ต้องเปิดทุกอย่าง ทุกประสาทหูตาจมูกปาก การรับรู้สิ่งที่มันจะเข้ามากระทบเรา แล้วเรารู้สึก เราถึงจะเล่าต่อได้"
เคล็ดลับความงาม 1 ข้อ
"จะติดกาวตาช้างที่หูค่ะ เพราะเป็นคนหูกาง บางคนอาจจะไม่เข้าใจ จริงๆ แล้วมันทำได้ หนังหูเป็นส่วนที่มีน้ำมันออกมาตลอด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว สักพักมันก็จะลอกออกมาเป็นแผ่นๆ เลย หยดที่ปีกหู แล้วก็พับมันไปนิดนึง แล้วก็ดึงๆ ออก ให้ดูเป็นธรรมชาติ"
ติดตามข่าวสารอัพเดทเทรนด์ก่อนใครได้ที่
